Last updated: 30 ก.ค. 2566 | 1053 จำนวนผู้เข้าชม |
ในยุคปัจจุบันของการทำงานและการบริหารจัดการองค์กรที่มีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ เรื่องของการนำทีมและการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์เป็นสิ่งที่สำคัญไม่น้อยกว่ากัน ในบริบทนี้ "Boss" และ "Leader" เป็นคำที่มักถูกใช้อย่างแทนกัน แต่เมื่อมองอย่างถี่ถ้วนและลึกซึ้งยิ่งขึ้น จะพบว่ามีความแตกต่างที่สำคัญระหว่างสองคำนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจและสำคัญในการสร้างและพัฒนาองค์กรที่มีความยั่งยืนและประสิทธิภาพสูง
Boss เป็นคำที่สื่อถึงบุคคลที่มีอำนาจและควบคุมการทำงานของผู้ใต้บังคับบัญชา โดยมักเน้นไปที่ผลลัพธ์และการดำเนินงานตามกำหนด เราสามารถมองเห็น Boss เป็นบุคคลที่สามารถใช้อำนาจในการบังคับให้งานเสร็จสำเร็จได้ ในขณะเดียวกัน Leader คือบุคคลที่สามารถสร้างแรงจูงใจและสนับสนุนผู้อื่นให้สามารถทำงานเป็นทีมได้ดีขึ้น ซึ่งเน้นไปที่การสร้างความมั่นใจและการพัฒนาความสามารถของผู้ใต้บังคับบัญชา เราจึงควรสำรวจและทำความเข้าใจในความแตกต่างระหว่างสองบทบาทนี้เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมในการทำงานที่มีความสำเร็จและมีความสุขที่ยั่งยืน
ทั้งนี้เราสามารถสรุปความแตกต่างของ "Boss" และ "Leader" ได้ดังนี้
1.การรับฟัง
Boss : ผู้บริหารแบบ Boss มักใช้ระบบที่เน้นการสั่งสอนและกำหนดให้ลูกน้องทำงานตามคำสั่งที่กำหนดไว้ พวกเขามักจะไม่ให้ความสำคัญกับการฟังความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะจากผู้ใต้บังคับบัญชา ทำให้การสื่อสารและความร่วมมือในทีมขาดความกระตือรือร้น
Leader: ผู้นำแบบ Leader จะเน้นการฟังและเข้าใจในความคิดเห็นและวิธีการของสมาชิกในทีม พวกเขาจะสร้างพื้นที่ให้กับการแสดงความคิดเห็นและสร้างสรรค์ และส่งเสริมให้สมาชิกในทีมมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ทำให้เกิดการสื่อสารที่ดีขึ้นและมีผลกระทบในการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
2.การสร้างผลลัพธ์ระยะยาว
Boss : เน้นผลลัพธ์ระยะสั้น และการบริหารงานให้เสร็จสมบูรณ์ในระยะเวลาที่กำหนด ไม่เน้นการพัฒนาคนเพื่อความสำเร็จระยะยาว อาจสร้างความกดดันที่เกินไปและขาดการสนับสนุนในการพัฒนาบุคลากร ผลกระทบอาจเป็นการลดความคาดหวังและความพึงพอใจของสมาชิกในทีม
Leader : ให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรในทีม มุ่งเน้นการพัฒนา สร้าง “คน” เพื่อความยั่งยืนในระยะยาว พวกเขาเน้นให้สมาชิกในทีมมีโอกาสเติบโตและพัฒนาทักษะ ผ่านการให้คำแนะนำ การฝึกอบรม และการสนับสนุนในการเรียนรู้ นอกจากนี้ Leader ยังสร้างความเข้าใจและส่งเสริมความคาดหวังและความพึงพอใจของสมาชิกในทีม
3.วิธีการบริหารเพื่อไปสู่ผลลัพธ์
Boss : มักใช้การให้คำสั่งและควบคุมเป็นวิธีในการนำทีม พวกเขาอาจใช้ความเข้มงวดและการกดดันในการบังคับให้สมาชิกในทีมทำตามคำสั่ง แต่การใช้วิธีการนี้อาจลดความคิดสร้างสรรค์และความร่วมมือในทีม
Leader : มุ่งเน้นการสร้างแรงบันดาลใจในทีมผ่านการเป็นแบบอย่างที่ดี พวกเขาสร้างสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นและความกระตือรือร้น นอกจากนี้ Leader ยังสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับสมาชิกในทีม และสร้างความเข้าใจเพื่อสนับสนุนและกระตุ้นแรงบันดาลใจในการทำงาน
4.การแสดงออกซึ่งความรับผิดชอบ
Boss : อาจเคร่งครัดในการรับผิดชอบของเขาเองและอาจไม่ยอมรับผลงานที่สำคัญของทีม ส่วนใหญ่จะให้เครดิตตนเองแทนที่จะให้เครดิตแก่ทีมงาน ส่งผลให้ทีมงานรู้สึกไม่ศรัทธาต่อตัวผู้นำ และไม่ได้รับความภาคภูมิใจในความสำเร็จของพวกเขา
Leader : รับผิดชอบต่อผลงานที่สมบูรณ์และเครดิตของทีมงาน พวกเขาเชื่อในความสำคัญของการทำงานที่มีคุณภาพและการบรรลุเป้าหมายของทีม นอกจากนี้ Leader ยังสนับสนุนและให้เครดิตแก่สมาชิกในทีม สร้างความรู้สึกว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จทั้งหมด
5.การหาสาเหตุ เพื่อปรับปรุงแก้ไข
Boss : มักใช้การหา “คนผิด” เป็นวิธีในการแก้ไขปัญหาหรือข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น พวกเขาอาจมองหาคนที่ต้องรับผิดชอบและตั้งใจกับการตักเตือนหรือลงโทษคนที่ผิดพลาด แต่การทำเช่นนี้อาจสร้างบรรยากาศที่ไม่เป็นกันเองในทีมและไม่ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนา
Leader : มุ่งหาสาเหตุของปัญหาหรือข้อผิดพลาด พวกเขาใช้การวิเคราะห์และการสอบถามเพื่อค้นหาสาเหตุ เน้นการแก้ไขที่สาเหตุของปัญหา และการป้องกันไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้นซ้ำในอนาคต พวกเขาอาจให้คำแนะนำและการสนับสนุนในการแก้ไขปัญหาให้กับสมาชิกในทีม มากกว่าการตำหนิและหาคนผิดเพื่อลงโทษ
6.แนวคิดต่อการส่งมอบผลลัพธ์
Boss : มักเน้นวิธีการและกระบวนการทำงานที่เฉพาะเจาะจง พวกเขาอาจให้คำสั่งเฉพาะเจาะจงและรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการในการทำงาน นอกจากนี้อาจมีความกังวลในการให้สมาชิกในทีมมีความเสี่ยงในการลองและสร้างสรรค์
Leader : เน้นผลลัพธ์ที่ต้องการ พวกเขาให้ความเสี่ยงและอิสระในการทำงานให้กับสมาชิกในทีม โดยให้ความสำคัญกับผลลัพธ์และวัตถุประสงค์ แต่พวกเขาไม่จำเป็นต้องกำหนดวิธีการที่เฉพาะเจาะจง และให้สมาชิกในทีมมีอิสระในการเลือกวิธีการที่เหมาะสมต่อสถานการณ์ ให้โอกาสในการพัฒนาเรียนรู้ และแสดงความคิดสร้างสรรค์
จากที่ได้ทำความเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่าง "Boss" และ "Leader" ที่สำคัญในบริบทของการบริหารจัดการองค์กรและทีมงานต่าง ๆ นั้น สิ่งที่เราควรนำไปสู่การปฏิบัติคือการรวมคุณสมบัติที่ดีของทั้งสองบทบาทเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีประสิทธิภาพและสามารถส่งเสริมการเติบโตของทั้งองค์กรและพนักงานในแบบที่ยั่งยืน การเป็น Leader ที่ดีไม่ได้หมายความว่าต้องละเลยบทบาทของการเป็น Boss ในเรื่องของการตัดสินใจและการควบคุมเพื่อส่งมอบผลลัพธ์ แต่ยังคงต้องมีความสามารถในการสร้างแรงจูงใจและสนับสนุนทีมงานของตัวเองด้วย
ในท้ายที่สุด, ความสำเร็จขององค์กรไม่ได้ขึ้นอยู่กับการว่าจะเลือกที่จะเป็น Boss หรือ Leader เพียงอย่างเดียว แต่มาจากการสามารถผสมผสานคุณสมบัติของทั้งสองบทบาทเข้าด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ การเป็น Leader ที่สามารถส่งเสริมให้ทีมงานมีความกระตือรือร้นในการทำงานและพัฒนาศักยภาพของตัวเอง รวมถึงการมีวิสัยทัศน์ในการนำ ทั้งนี้ยังต้องรวมไปถึงความสามารถในการเป็น Boss ที่ดูแลและควบคุมเรื่องการดำเนินงานและการตัดสินใจเพื่อส่งมอบผลลัพธ์ที่เป็นมาตรฐาน คือสิ่งที่จำเป็นในการสร้างองค์กรที่ยั่งยืนและสามารถตั้งตัวในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในยุคปัจจุบัน
15 มิ.ย. 2566